ข้อดีของการ “เทียบคู่ก่อนลงเพาะพันธุ์จริง”
• จำนวนคู่ที่ใช้ทั้งหมด: 43 คู่
• จำนวนคู่ที่ไม่รัด: 8 คู่
เปอร์เซ็นต์ที่ไม่รัด = (8 / 43) × 100 ≈ 18.6%
แปลว่า ประมาณ 81.4% ของคู่ทั้งหมดรัดกัน เมื่อใช้วิธีเทียบคู่ก่อนลงเพาะจริง
⸻
1. ช่วยคัดกรองความพร้อม
เราจะเห็นพฤติกรรมของตัวผู้และตัวเมียว่าเข้ากันไหม ตัวเมียพร้อมไหม ตัวผู้ก้าวร้าวเกินไปหรือเปล่า
2. ลดความเสี่ยงของการกัดกันแรง
ถ้าเจอว่าทั้งคู่ไม่เข้ากัน หรือมีการกัดจนบาดเจ็บ ก็ยังทันได้แยกออกก่อนเกิดอันตราย
3. เพิ่มอัตราความสำเร็จในการเพาะ
เมื่อมั่นใจว่าทั้งสองเข้ากันดีและมีพฤติกรรมพร้อมเพาะ การจับคู่ลงจริงจะมีโอกาส “รัด” สูงขึ้น
4. ประหยัดเวลาและลดความเสียหาย
ถ้าไม่เทียบก่อน แล้วจับลงเลย คู่ที่ไม่เข้ากันอาจกัดกันจนเสียหาย ทำให้ต้องพักฟื้นปลานาน
⸻
เรื่อง “จำนวนไข่ที่ได้”
• คู่ที่เทียบกันจนเห็นความพร้อม มักจะให้ จำนวนไข่เยอะกว่า เพราะปลามีความพร้อมจริงๆ
• ตัวเมียที่ถูกตัวผู้กระตุ้นระหว่างเทียบ มักไข่ตกดีขึ้น
• ไข่ที่ได้มักแข็งแรงกว่า เพราะเป็นการเพาะในช่วงเวลาที่ “พีค”
⸻
1. เพศใดมักเป็นสาเหตุที่ไม่รัด?
• ตัวเมียมักเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ไม่รัด
• ตัวเมียยังไม่พร้อม (ท้องไม่โตพอ หรือยังไม่ตกไข่)
• ตัวเมียกลัว กัดกลับ หรือหนีตัวผู้
• ตัวเมียเหนื่อยจากการถูกเทียบบ่อยเกินไป
• ตัวผู้ที่ไม่รัด พบได้บ้าง แต่ไม่บ่อย
• มักเกิดจากตัวผู้ที่อ่อนแรง หรือยังไม่เริ่มทำหวอด
• ตัวผู้ขี้ตกใจหรือขี้กลัว (โดยเฉพาะถ้าเพิ่งพักจากการเพาะไม่นาน)
⸻
2. ช่วงเวลาไหนเทียบคู่ได้ผลดีที่สุด?
เทียบจากพฤติกรรมตามธรรมชาติของปลา:
• ช่วงเช้า (7:00 - 10:00 น.)
เป็นช่วงที่ปลา “ตื่นตัว” และฮอร์โมนเพศทำงานดีที่สุด
ถ้าเทียบคู่ช่วงเช้า มักเห็นผลเร็ว — ตัวผู้เริ่มทำหวอดเร็ว ตัวเมียตอบสนองดี
• ช่วงเย็น (16:00 - 18:00 น.)
เป็นอีกช่วงที่ดี เพราะอุณหภูมิน้ำยังไม่ร้อนเกิน และปลาเริ่มสงบ
เทียบช่วงนี้อาจเห็นผลชัดในวันถัดไปตอนเช้า